ติดต่อเรา

เม็ดพลาสติกชีวภาพ นวัตกรรมใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อม


นักวิจัยไทยประสบความสำเร็จในการพัฒนาเม็ดพลาสติกชีวภาพจากเปลือกผลไม้ ซึ่งสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติภายในระยะเวลาเพียง 180 วัน เทียบกับพลาสติกทั่วไปที่ใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 450 ปี นวัตกรรมนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกที่กำลังคุกคามสิ่งแวดล้อมทั่วโลก

ดร.สมชาย วงศ์ทรัพย์ หัวหน้าทีมวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีวัสดุแห่งชาติ (MTEC) เปิดเผยว่า โครงการนี้เริ่มต้นจากแนวคิดการนำวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรมาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะเปลือกทุเรียน เปลือกมังคุด และเปลือกสับปะรด ซึ่งมีองค์ประกอบทางเคมีที่สามารถสกัดเป็นพอลิเมอร์ธรรมชาติได้ "เรานำเปลือกผลไม้มาผ่านกระบวนการสกัดแยกเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส และสารประกอบฟีนอลิก ก่อนนำไปผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อสังเคราะห์เป็นพอลิแลคติกแอซิด (PLA) ซึ่งเป็นพอลิเมอร์ชีวภาพที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับพลาสติกทั่วไป" ดร.สมชายอธิบาย

เม็ดพลาสติกชีวภาพที่ได้สามารถนำไปขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น บรรจุภัณฑ์อาหาร ถุงพลาสติก และอุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีคุณสมบัติทนความร้อนได้ถึง 180 องศาเซลเซียส ทนต่อกรดและด่างได้ดี และมีความยืดหยุ่นไม่แตกต่างจากพลาสติกทั่วไป ที่สำคัญคือสามารถย่อยสลายได้เองในสภาพแวดล้อมธรรมชาติโดยไม่ทิ้งสารพิษตกค้าง

นายวิชัย ศรีประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า "นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร และตอบโจทย์เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างแท้จริง ปัจจุบันเราอยู่ระหว่างการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับภาคอุตสาหกรรม และคาดว่าจะสามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2569"

ล่าสุด โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณกว่า 50 ล้านบาทจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (GEF) เพื่อขยายกำลังการผลิตและพัฒนาต่อยอดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าจะทดแทนการใช้เม็ดพลาสติกทั่วไปในอุตสาหกรรมไทยอย่างน้อย 15% ภายในระยะเวลา 5 ปี

นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังได้พัฒนาสูตรพิเศษที่เพิ่มคุณสมบัติการย่อยสลายในทะเล เพื่อตอบโจทย์ปัญหาขยะพลาสติกในมหาสมุทรที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่า เม็ดพลาสติกชีวภาพสูตรพิเศษนี้สามารถสลายตัวในน้ำทะเลได้ภายในระยะเวลาเพียง 90 วัน

ความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทย แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่อุตสาหกรรมพลาสติกยุคใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติอีกด้วย

ที่มา: ศูนย์ข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (30 มีนาคม 2568)